เครื่องแต่งกาย
เครื่องแต่งกายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญในการ ตีกอล์ฟ ถ้าตัดเรื่องความเหมาะ ความเรียบร้อยออกไป สิ่งที่ต้องสนใจคือรองเท้าและถุงมือที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการตีกอล์ฟโดยเฉพาะ ซึ่งรองเท้ากอล์ฟถูกออกแบบให้ยึดติดกับหญ้าในสนามได้ดี ใส่แล้วไม่ลื่นล้มตอนออกไดร์ฟไม้กอล์ฟ ส่วนถุงมือก็ดูดซับแรงสะท้อนจากการกระทบ ช่วยให้จับไม้กอล์ฟได้มั่นคง ลดโอกาศบาดเจ็บ นอกจากนี้อาจจะพิจารณาถึงอุปกรณ์กันแดดอย่างหมวก แว่นตา ครีมกันแดดด้วยก็ได้
ที
ที ใช้สำหรับเพิ่มความสูงของระดับลูกกอล์ฟจากพื้นทำให้ตีได้ไกลมากขึ้น ปกติแล้วในสนามจะมีจุดวางทีไว้ให้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตีกอล์ฟแต่ละหลุม
ที่มาร์คลูก
ที่มาร์คลูกใช้สำหรับการทำเครื่องหมายบนพื้นสนาม ในกรณีที่หยิบลูกกอล์ฟขึ้นมาจากสนามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม เช่น วัดระยะ ทำความสะอาด เปลี่ยนผู้เล่น
อุปกรณ์ซ่อมพื้นสนาม
นักกอล์ฟที่ดีควรจะซ่อมแซมพื้นสนามในจุดที่ตนทำเสียหายทันทีหลังจากตีกอล์ฟจุดนั้นเสร็จแล้ว เพราะพื้นสนามกอล์ฟต้องใช้ร่วมกันหลายคน หากทิ้งความเสียหายไว้นานเกินไปการซ่อมแซมจะต้องใช้เวลามากขึ้น และยังมีค่าใช้จ่ายสูง
การซ่อมแซมสนามกอล์ฟถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในหลายสนาม แต่สำหรับประเทศไทย หน้าที่นี้มักจะเป็นของ แคดดี้
ลูกกอล์ฟ
ลูกกอล์ฟที่ได้มาตรฐานจะต้องเป็นทรงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง อย่างน้อย 42.67 มิลลิเมตร และมีหนักไม่เกิน 45.93 กรัม หากมีขนาดเล็กและน้ำหนักมากกว่านี้ถือเป็นการละเมิดกฎ เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหากลูกกอล์ฟลอยไปตกใส่ผู้คน
การออกแบบพื้นฐานของลูกกอล์ฟมีลักษณะแตกต่างกันไป ตั้งแต่การใช้ ขนเป็ด ยางไม้ เซอร์ลีน พลาสติก แต่ละชนิดมีคุณสมบัติไม่เหมือนกันทั้งในเรื่อง สปิน สัมผัส การโคจร แรงเฉลี่ย
ไม้กอล์ฟ
ไม้กอล์ฟ ใช้สำหรับตีลูกกอล์ฟ ประกอบขึ้นจากอุปกรณ์ 3 ส่วน คือ หัวไม้ เป็นส่วนที่กระทบลูกกอล์ฟ ก้านคือส่วนที่เพิ่มความยาวของไม้ และ กริปเป็นส่วนสำหรับจับขณะไดร์ฟ ไม้กอล์ฟมีอยู่หลายชนิด หลายขนาด ถ้าหัวไม้ทำมุมมากจะตีได้สูง ถ้าก้านยาวมากจะตีได้ไกล แต่ก็ควบคุมได้ยากมากขึ้นไปด้วย แบ่งตามการใช้งานเป็น 3 แบบ คือ หัวไม้ หัวเหล็ก และ พัตเตอร์
หัวไม้หนึ่ง(DRIVER) เป็นไม้กอล์ฟแบบแรกที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น หัวไม้มีลักษณะเป็นก้อน ใหญ่เทอะทะ ไม่ทำมุม เหมาะสำหรับการตีจากจุดเริ่มต้นโดยใช้ทีเป็นอุปกรณ์เสริม มีวัตถุประสงค์เพื่อตีให้ลูกกอล์ฟลอยไปได้ไกลมากที่สุด มีระยะทางเฉลี่ย 220-270 หลา ปัจจุบันนี้ หัวไม้ยังถูกแยกออกมาอีก 2 ชนิด คือ หัวไม้แฟร์เวย์ (FAIRWAY WOOD) มีลักษณะเด่นคือ หัวไม้เอียงทำมุม 13 – 28 องศา ตีได้ระยะทาง 100-210 หลา และ หัวไม้ไฮบริด (HYBRID) หรือ Utility, Rescue หัวไม้ไฮบริด มีความยาวก้านที่สั้นลงแต่มีองศาที่สูงขึ้นเล็กน้อย สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ ตีได้ระยะทาง 120-220 หลา
พัตเตอร์(PUTTER) ใช้สำหรับการตีลูกกอล์ฟให้กลิ้งไปในระยะใกล้ ๆ บริเวณหัวไม้ ทำมุมต่ำมาก ทีระดับ 3 – 5 องศา นิยมใช้ตีบนกรีน เพื่อให้ลูกกอล์ฟลงหลุม
หัวเหล็ก( IRON) เป็นไม้กอล์ฟที่จะถูกใช้เมื่อต้องการตีลูกกอล์ฟที่ติดอยู่ในอุปสรรคเช่น หญ้า ทราย โคลน ทำให้ลูกกอล์ฟกระเด็นขึ้นไปในอากาศ หัวเหล็กยังได้รับฉายาว่าเป็นจอบและเสียมในวงการกอล์ฟ หัวเหล็กมีน้ำหนักมากและบริเวณหัวไม้จะทำมุมสูงเป็นพิเศษ ตีได้ระยะทาง 100-200 หลา ปัจจุบันมีเวอร์ชันพัฒนาของหัวเหล็กคือ เวดจ์ (WEDGE) นิยมใช้ตีกอล์ฟพื้นที่ใกล้ ๆ ตีได้ระยะทาง 70-120 หลา